รากฟันเทียม
- รากฟันเทียมซี่เดี่ยว เป็นวิธีการรักษาที่ใช้รากฟันเทียม 1 ตัว ต่อ 1 จุด/ตำแหน่ง ซึ่งอาจมีได้หลายตำแหน่งในช่องปาก แต่ในทุกตำแหน่งนั้นสามารถใช้รากเทียมเพียง 1 ตัวเท่านั้น วิธีการนี้ทันตแพทย์สามารถทำได้โดยที่ ไม่ต้องกรอฟันซี่ข้างเคียงเพื่อใส่สะพานฟัน จึงดูแลและทำความสะอาดได้ง่ายแบบเดียวกับฟันปกติทั่วไป เมื่อทำแล้วคนไข้สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ ใช้งานได้จริง มีลักษณะฟันเหมือนฟันธรรมชาติ
- รากฟันเทียมรองรับสะพานฟัน คือ การทำสะพานฟันบนรากฟันเทียม ใช้ในกรณีที่ทดแทนฟันหลายๆซี่ที่อยู่ติดกัน เพื่อลดจำนวนรากฟันเทียมลง และทำเป็นสะพานฟันแทน เช่น ถ้าจะทดแทนฟัน 3-4 ซี่ ในบริเวณเดียวกัน นอกจากจะทำรากฟันเทียมแบบซี่ต่อซี่แล้ว ยังสามารถลดจำนวนรากฟันเทียมลงเหลือแค่ส่วนหัวและส่วนท้าย แล้วทำสะพานฟันบนรากฟันเทียม2ซี่นั้น โดยยังได้ความแข็งแรงเพียงพอต่อการใช้งานรูปรากฟันเทียมรองรับสะพานฟัน
- รากฟันเทียมรองรับฟันปลอมถอดได้ คือ การฝังรากฟันเทียม 2 หรือ 4 ราก ลงไปในขากรรไกร และรอระยะเวลา 3-6 เดือนหรือมากกว่า หลังจากนั้น เมื่อรากฟันเทียมยึดติดดีแล้ว จึงจะสามารถใส่ตัวยึดติดระหว่างรากฟันเทียมและฟันปลอมแบบถอดได้ การรักษารากฟันเทียมรองรับฟันปลอมถอดได้ช่วยในการลดค่าใช้จ่ายมากกว่าชนิดติดแน่น
- รากฟันเทียมทั้งปาก หรือ ALL ON คืออะไร
การทำรากฟันเทียมทั้งปาก โดยจะฝังรากฟันเทียมจำนวน 4, 6 หรือ 8 รากต่อ 1 ขากรรไกร ขึ้นอยู่กับคุณภาพของกระดูกรองรับฟัน ความต้องการของคนไข้ และดุลยพินิจของทันตแพทย์ จากนั้นจะยึดสะพานฟันแบบชั่วคราวเพื่อให้ คนไข้สามารถทานอาหารหรือทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ ข้อดีของ “การทำรากฟันเทียมทั้งปาก” ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คนไข้กลับมามีฟันที่สวยงาม และรอยยิ้มที่ดูเป็นธรรมชาติเท่านั้น แต่ความแข็งแรงและมั่นคงที่มากกว่าฟันปลอมทั่วไป จากการใส่รากฟันแบบติดแน่นถาวร ยังช่วยให้บดเคี้ยวอาหารได้ดี ใช้งานได้เหมือนฟันแท้ นอกจากนี้ยังช่วยชะลอการละลายตัวของกระดูกบริเวณที่ฝังรากฟันเทียม และช่วยรักษาโครงหน้าเดิมเอาไว้ด้วย ทั้งนี้การทำรากฟันเทียมทั้งปากต้องอาศัยความชำนาญสูง จึงควรเลือกใช้บริการคลินิกที่ทันตแพทย์มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการรักษารากฟันเทียม ซึ่งจะสามารถให้คำแนะนำ และวางแผนการรักษาให้อย่างเหมาะสม